ไม้จ๊อย ถือว่าเป็นไม้ที่สามารถนำมาใช้แทนไม้เนื้อหรือไม้เต็มแผ่นได้ ในการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น โครงไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกใช้ ไม้จ๊อย แบบไหนดี? จึงจะเหมาะสมกับการใช้งาน และคุ้มค่ามากที่สุด
ไม้จ๊อย มีกี่ขนาด สามารถใช้กับงานไม้ประเภทไหนบ้าง?

1.ไม้จ๊อยโครง
ไม้โครงจ๊อย หรือ ไม้โครง มีรูปแบบและการใช้งานเฉพาะตัว เปรียบเสมือน เสา-คานหลักของอาคาร เหมาะสำหรับงานขึ้นรูปอาคารต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่หรือกว้างมากและต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
ขนาดของไม้จ๊อยโครงที่ได้รับความนิยม
- ความกว้างแบ่งเป็น 2 ขนาด คือ 35 mm , 42-45 mm.
- ความยาว ขนาด 2.5 mm. หรือขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นงาน
- ความหนาแบ่งเป็น 2 ขนาด คือ 17.5 mm , 20-22 mm.
2.ไม้จ๊อยแผ่น
แผ่นไม้เรียบเสมอกัน และมีขนาดเท่ากัน นิยมใช้กับงานที่ต้องการความสวยงาม อย่างงานประเภท ผนังเบา ผนังกั้นห้อง หรือเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ และเก้าอี้
ขนาดของไม้จ๊อยแผ่นที่ได้รับความนิยม
- ความกว้าง ขนาด 60 cm.
- ความยาว ขนาด 2.5 m.
- ความหนาแบ่งเป็น 2 ขนาด คือ 1.2 cm. , 1.6 – 2.2 cm.
3.ไม้จ๊อยท่อน
แผ่นไม้ชนิดหนา มีความแข็งแรง คงทน เหมาะสำหรับงานประเภท ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน โต๊ะ เตียง เก้าอี้ หรือจะใช้งานตกแต่งภายใน
ขนาดของไม้จ๊อยท่อนที่ได้รับความนิยม
- ความหน้ากว้าง มี 2 ขนาด คือ 40 cm. , 80 cm.
- ความยาวมาตรฐาน คือ 4 – 6 m.
- ความหนา มีให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกขนาดได้ตามความต้องการ
4.ไม้จ๊อยขนาดพิเศษ (สั่งทำ)
ไม้จ๊อยสั่งทำพิเศษ มีรูปร่างและลักษณะเฉพาะตัว เหมาะสำหรับงานประเภททำงานศิลปะ หรือ งานไม้ที่ต้องอาศัยความคงทนและสวยงาม
ไม้จ๊อยมีกี่ชนิด เลือกอย่างไร ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ไม้เบญจพรรณ
- ข้อดี คือ เนื้อไม้แน่น และมีความแข็งแรง
- ข้อเสีย คือ ลายไม้ไม่ชัดเจน และไม่มีความเหนียว
ไม้สน
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อนิ่ม น้ำหนักเบา และมีลายไม้สวยงาม
- ข้อเสีย คือ มีความแข็งแรงทนทานน้อย และปลวกชอบกินไม้
ไม้ทุเรียน
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อนิ่ม น้ำหนักเบาคล้ายไม้สน และราคาถูกกว่า
- ข้อเสีย คือ ไม่มีลายที่ชัดเจนเหมือนไม้สน และไม่มีความแข็งแรงคงทนเท่าไม้สัก
ไม้สยาแดง
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับขึ้นโครงอาคารที่ต้องอาศัยความแข็งแรงสูง
- ข้อเสีย คือ จัดว่าเป็นไม้ที่หายากในปัจจุบัน จึงทำให้มีราคาแพง
ไม้ยางพารา
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อแข็งและเหนียว แต่เจาะยึดง่าย
- ข้อเสีย คือ เนื้อไม้ไม่เรียบ บิดตัวได้ง่าย และสีอ่อน
ไม้สักสวนป่า
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อนิ่มที่ราคาไม่แพงมาก สามารถเจาะและยึดเกาะได้ง่าย
- ข้อเสีย คือ เนื้อไม้จะมีกระพี้ติดมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับลายไม้
ไม้สักเนื้อ
- ข้อดี คือ เป็นไม้เนื้อนิ่ม เนื้อไม้สวย ปลวกไม่กินเนื่องจากมียางไม้เป็นจำนวนมาก
- ข้อเสีย คือ ในปัจจุบันมีจำนวนเหลือน้อย และราคาแพง
ไม้ตะแบก
- ข้อดี คือ มีลักษณะตั้งตรง เนื้อแข็ง และเหนียว ทำให้ปลวกไม่ชอบ
- ข้อเสีย คือ ราคาแพงมาก แต่มีคุณภาพใกล้เคียงกับไม้สักสวนป่า
เปรียบเทียบราคา ไม้จ๊อย VS ไม้เนื้อ ใช้ตัวไหนคุ้มกว่ากัน?

ไม้จ๊อย มีคุณภาพมากกว่าไม้เนื้อ โดยคุณสมบัติที่เสมอกันทั้งแผ่น ไม่โค้งหรือบิดงอได้ง่าย หากเปรียบเทียบจากคุณภาพและราคาในปัจจุบัน ก็คงต้องยกให้ไม้จ๊อยเป็นผู้ชนะเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไมต้องซื้อ ไม้จ๊อย กับ M.T.K
- ได้ไม้ดีมีคุณภาพ เพราะโรงงานผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร
- ไม้สวย ตรงตามสเปค ทางโรงงานใช้เครื่องจักรคุณภาพทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเลื่อยสายพาน, เครื่องไสเรียบ 4 หน้า, เครื่องอัดน้ำยา และ เครื่องอบไอน้ำ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า คุณจะได้ไม้จ๊อยแปรรูป ที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
- มีไม้จ๊อยให้เลือกหลากหลาย โรงงานของเรามีบริการตั้งแต่รับผลิต และจัดจำหน่ายไม้จ๊อย, บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ ไปจนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ และรถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
- ได้ไม้ตรงตามมาตรฐาน หมดกังวลเรื่องโดนโกง เพราะโรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัด ระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี พร้อมบริการขนส่งสินค้าทั่วประเทศไทย
MTK WOOD ตัวจริงเรื่องงานไม้ ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญในวงการไม้ที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าเมื่อซื้อกับเราแล้วจะได้ไม้ดี ไม้คุณภาพ มีไม้แปรรูปที่หลากหลาย และ ได้ไม้ถึงมือท่านด้วยความปลอดภัยอย่างแน่นอน ซื้อไม้จ๊อยเลย Click here !!!!
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : MTK เอ็มทีเค
Line : @mtkwood
Tel : 095-654-6551
Email : marketing@mtkwood.com